Dragon Age

Dragon Age

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[DA:I]Templar and Mage [สปอย นิดๆ แต่หากตัดสินใจเลือกลำบาก แนะนำให้ฟังเรื่องทั้งสองฝ่ายก่อน]

ตามเนื้อเรื่องหลักของภาคนี้แล้ว เควสแรกๆที่เราจะต้องตัดสินใจก็คือ การจะเลือก Templar หรือ Mage มาเพื่อช่วยเราในการปิด รอยแยกบนฟ้า เหตุผลของทั้งสองฝ่ายและทำไมจึงเกิดสงคราม เรามาดูข้อมูลของทั้งคู่กันหน่อยดีกว่า เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจ


The Circle Of Magi

The Circle Of Magi คือองค์กรณ์สูงสุดที่มีหน้าที่ฝึกและควบคุม เมจ ในทวีป Thedas แต่ก็อยู่ภายได้การควบคุมดูจาก Chantry (โบสถ์หรือก็คือ ศาสนา Andraste) อีกที โดยมี Templar Order เป็นผู้คอยควบคุมตรวจสอบอีกที ส่วนใน Tevinter Imperium นั้น จะถูกปกครองโดย Magisters ซึ่งมีระดับยศคอยควบคุมดูและกันเอง

การจะรู้จัก เมจนั้น จะต้องรู้จักกับ Fade ก่อน ซึ่ง Fade คือมิติของกายหยาบ หรือ Spirit วิญญาณนั่นเอง โดยเวทย์มนต์ก็เกิดขึ้นมาจากที่นี่ มันเป็นสถานที่ ที่ ทั้ง มนุษย์ เอฟล์ และ คูนาริสามารถเข้าไปเยือนได้ยามที่ฝัน

การจะใช้เวทย์มนต์นั้นก็คือการดึงพลังงานจากมิติ Fade ขึ้นมาทั้งสร้างเป็นรูปร่างหรือแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานธาตุต่างๆ โดยมี Mana เป็นสื่อกลางในการใช้พลังงานและเข้าไปยัง Fade แต่ปัญหาก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมามี Mana ติดตัว ดังนั้นผู้ที่เกิดมาพร้อมกัน Mana เราจะเรียกพวกเขาว่า เมจ

แต่ความเสี่ยงของพลังนี้ก็คือ เมื่อในก็ตามที่เราดึงพลังจาก Fade มาใช้ก็จะดึงความสนใจของ "สิ่ง" ที่อาศัยอยู่ในนั้นมาด้วย และเพื่อความเสี่ยงที่จะถูกสิ่งนั้นสิงสู่ ได้ และหากสิ่งนั้นเป็นปีศาจ (Demon) แล้ว หากเมจคนนั้นจิตไม่กล้าแข็งพอ ก็จะถูกสิงสู่และควบคุมได้ เมจที่ถูกสิงนั้นจะมีรูปร่างผิดไปจากรูปร่างเดิมจะเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า Abomination ซึ่งมีพลังอำนาจสูงส่ง

ดังนั้น The Circle จึงมีอำนาจที่จะบังคับเอาเด็ก (ปกติจะอายุ 6-12 ขวบ) เข้ามารับการฝึก(หรือควบคุม) ทันทีที่เด็กคนนั้นมีแสดงสัญญาณว่ามีพลังเวทย์มนต์ ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของขุนนางหรือสามัญชนก็ตาม โดยลูกของขุนนางจะเสีย สิทธิ์ในการสืบตำแหน่ง หรือว่ามรดกทั้งหมดของครอบครัวทันทีที่ถูกพาไป Circle

เมื่อเข้ามาที่ Circle แล้วแรกเริ่มจะถูกเรียกว่าผู้ฝึกหัด เมจฝึกหัดจะถูกเก็บเลือด เพื่อจะได้สามารถติดตามได้หากหลบหนีไป และจะได้รับการฝึก และการศึกษา โดยแบ่งประเภทเวทย์มนต์ที่ Circle ยอมรับได้เป็น 4 แขนงด้วยกันคือ Spirit (วิญญาณ)  Primal (พลังงาน) Creation (การกำเนิด) และ Entropy (รักษา) เมื่อศึกษาไปได้ระดับหนึ่ง เมจฝึกหัดทุกคนจะต้องเข้ารับการทดสอบที่เรียกว่า The Horrowing เป็นการทดสอบเข้าไปใน Fade และเผชิญกับ Demon  โดยผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องอดทนต่อสิ่งยั่วยวน ของ Demon ให้ได้ หากเมจคนใดสามารถสยบ Demon ได้ก็ได้รับตำแหน่งเมจ และถือว่าเป็นสมาชิกของ Circle เต็มตัว ส่วนเมจฝึกหัดคนใดที่เข้า ไปใน Fade นานเกินไป หรือว่าถูกครอบงำโดย Demon จะถูก Templar สังหารทันที

เมจที่ผ่านการทดสอบแล้วก็ใช่ว่าจะมีอิสระเสรี ทุกคนก็ยังคงถูกผูกมัดให้อยู่ใน Circle อยู่ดี ทั้งยังมีกฏและข้อห้ามต่างๆมากมาย เช่นห้ามติดต่อกับครอบครัวและทางบ้าน จนบางคนเอาไปเปรียบกับคุกซะด้วยซ้ำ

แต่ความคิดเห็นจากเมจเองก็ยังแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเห็นว่า เป็นการเสียสละ เพื่อปกป้องประชากรส่วนใหญ่และปกป้องตัวเมจเองต่อสิ่งเร้าทั้งหลาย ส่วนอีกฝั่งเห็นว่า การนำพวกเมจมาขังไว้เป็นการขัดเจตนารมณ์แห่งพระผู้สร้าง (Maker) ซึ่งได้ประทานพลังให้คนกลุ่มนี้มา

*ส่วนเนื้อเรื่องการกบฏของ Mage หาอ่านได้จาก Dragon Age II แต่หลักๆก็คือ การถูกควบคุมมากเกินไป




The Order Of Templar

"เวทย์มนต์นั้นมีไว้เพื่อรับใช้เรา และไม่ควรที่จะควบคุมเรา"

The Templar เป็นกองกำลังทหารติดอาวุธ ของ Chantry (โบสถ์หรือศาสนา Andraste) ซึ่งมีหน้าที่คอยตามล่า Apostates (คือเมจที่หลบหนีการควบคุม) หรือ Abomination (เมจที่ถูก Demon ครอบงำ)

เมื่อสมัยที่ เกิดศาสนา Andraste และได้ก่อตั้ง Chantry ใหม่ๆนั้น มีกลุ่มทหารที่รู้จักกันในชื่อ The Inquisitor คอยทำหน้าที่ป้องกันสิ่งที่อันตรายต่อมนุษย์อยู่ โดย Chantry ได้ทำการรวบรวม The Inquisitor เข้ามาเป็นผู้ศรัทธาและหลังจากที่ทั้งคู่ได้ทำสัญญาต่อกัน Inquisitor ถึงแตกออกเป็น The Seeker Of Truth และ The Templar โดยจุดประสงค์ตั้งต้นนั้น กำเนิดมาเพื่อเป็นผู้ที่คอยดูและป้องกันมนุษย์จากอันตรายในรูปแบบต่างๆ

การคัดเลือกคนของ Templar นั้นจะดูที่พื้นฐานการต่อสู้และความศรัทธาต่อศาสนา โดยจะถือว่าภารกิจที่ได้รับมาจาก Chantry นั้นสำคัญกว่าศีลธรรมส่วนตน โดยเฉพาะต่อผู้ใช้เวทย์มนต์ Blood นั้นจะไม่มีการต่อรองด้วยไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม

โดยวิธีการต่อสู้ของ Templar นั้นเกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับ เวทย์มนต์โดยเฉพาะ โดยจะมีความสามารถปัดป้องเวทย์มนต์ ป้องกันไม่ให้เมจสามารถร่ายเวทย์มนต์ได้ เคล็ดลับสำคัญ อยู่ที่การเสพ Lyrium เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อ เวทย์มนต์ โดย Templar จะเสพ Lyrium ทุกวัน หากหยุดไประยะเวลาหนึ่ง ก็จะสูญเสียความสามารถไป

Templar ทั้งหมดจะเสพติด Lyrium ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้มีความสามารถต่อสู้กับเวทย์มนต์ได้ โดย Lyrium นั้นจะถูกจัดสรรโดย Chantry หรือเป็นการควบคุม Templar ไปโดยปริยาย โดย Templar จะได้รับ Lyrium ครั้งแรกเมื่อผ่านการสาบานกับ Chantry

Templar มีสัตย์สาบานที่จะป้องกันโลกต่ออันตรายจากเวทย์มนต์ แต่ก็มีหน้าที่ที่จะต้องป้องกัน เมจ จากโลกภายนอกด้วย โดย Templar จะคอยสอดส่องดูเมจ หากมีสัญญาณ ของการถูกครอบงำแม้แต่นิด จะต้องจัดการโดยไม่ลังเล หน้าที่ที่สำคัญก็คือการเฝ้าดูพิธี The Horrowing และ หน้าที่ที่จะคอยตามหาเด็กที่มีเวทย์มนต์ และพาตัวมาที่ Circle รวมทั้งตามล่าผู้ที่หลบหนีจาก Circle และยังสามารถประกาศใช้ Right Of The Annulment เป็นสิทธิในการกวาดล้าง Mage ทั้งหมดใน Circle หากเห็นว่าสถาณการ์ณไม่อาจควบคุมได้

Mage - Templar War

สงครามระหว่างเมจและ เทมปา เริ่มขึ้นในปี 9:37 Dragon โดยเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อ สภาเมจ ตัดสินใจแยกตัว Circle ออกจาก Chantry แต่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่การ กบฏ Kirkwall ใน Free Marches และการยุบสถาบัน Enchanter

หลังจากที่ Marlow Dumar ซึ่งเป็น Viscount ของเมือง Kirkwall เสียชีวิต Meredith Stannard ซึ่งเป็นเทมปาร์ มียศ Knight Commander ได้เข้าทำการควบคุมอำนาจของเมืองไว้ แต่ด้วยวิธีการปกครองที่เข้มงวด ทำให้หลายๆคน รวมทั้งตระกูลขุนนางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ หลายๆคนยังคงหวังให้ Hawks ผู้ปกป้อง Kirkwall (เป็นตำแหน่ง) ครองตำแหน่ง Viscount มากกว่า (เรื่องทั้งหมดที่ Kirkwall เกิดขึ้นใน Dragon Age II)

ยิ่งมาตราการที่ใช้ กับ เหล่าเมจยิ่งเข้มงวดจึงทำให้ First Enchanter Orsino ออกมาประกาศต่อต้าน Meredith อย่างเปิดเผย และประกาศว่าเธอเสียสติไปแล้ว ทาง Chantry ก็ทราบถึงปัญหาและพยายามเป็นคนกลางเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง

แต่ในที่สุดความรุนแรงก็เกิดขึ้นเมื่อ Anders ซึ่งเป็นเมจที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของ Circle (Apostates) ประกาศว่าจะไม่ยอมรับการควบคุมของ Templars อีกต่อไป และทำลาย Kirkwall Chantry และฆ่าคนที่อยู่ภายในทั้งหมด รวมทั้ง Grand Cleric Elthina ทำให้ Meredith ประกาศใช้ Right Of Annulment ส่วนผลของสงครามจะอยู่ที่การเลือกของ Hawks (ตัวผู้เล่น)

แม้ว่าภายหลังกองหนุนของ Templar จะเข้ามาควบคุม Kirkwall แต่ข่าวก็ได้แพร่กระจายไปยัง Circle อื่นๆแล้วว่า Templar ได้ประกาศใช้ Right Of Annulment ต่อเหตุการ์ณที่เกิดจาก เมจ Apostate เพียงคนเดียว หลายๆ Circle ก่อกบฏ ในขณะที่อีกหลายๆที่ก็ใกล้จะเต็มที ทำให้เหล่า Templar ยิ่งเพิ่มการควบคุมต่อ Circle เข้าไปอีก

และความรุนแรงก็มาถึงจุดพีคที่การก่อกบฏ ของ White Spire Circle ซึ่งเป็น Circle ประจำเมืองหลวงของ Orlais Val Royeaux ซึ่งเนื่องมาจากการตายของ Paramond (ไม่ทราบจริงๆว่าตำแหน่งอะไร) โดยทาง Lord Seeker Lambert ผู้นำเทมปาร์ ในขณะนั้นโทษว่าเป็นฝีมือของ Rhys ลูกชายของ Grand Enchanter Wynn จึงนัดมาเคลียร์กันที่สภาโดยเหล่าเมจก็คิดว่าเป็นการจับแพะ จึงไม่ยอมรับ Lambert จึงสั่งให้เทมปาร์โจมตี

แรกๆ เมจก็เพียงแต่ป้องกันตัวเท่านั้น แต่หลังจากเทมปาร์ ฆ่าเมจบางคนที่ยอมแพ้ ทำให้เมจที่เหลือต่อสู้อย่างบ้าคลั่งแต่ก็เหลือรอดไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อเหล่าเมจที่เหลือรอดกลับไป Circle (รวมทั้ง Wynn) ได้เข้าโจมตี เทมปาร์ที่จับกุมเมจที่เหลืออยู่ใน Circle และช่วยเมจที่โดนจับออกมาได้ทั้งหมด (ด้วยการช่วยเหลือของ Shale (DA:Origins) กับ Leliana  รวมทั้ง Divine Justinia V ที่แอบช่วยเหลืออย่างลับๆ โดยการเรียกตัว Lambert มาพบด่วนด้วย โดย Templar ที่เฝ้าอยู่ที่ White Spire Circle ถูกสังหารทั้งหมด

จากเหตุการณ์นี้เกิดผลใหญ่ๆคือ ที่ประชุมเหล่า Circle จึงโหวตให้แยกตัวเป็นอิสระต่อ Chantry และไม่อยู่ภายใต้การดูแลของ Templar อีก

Lord Seeker Lambert ก็ได้นำเหล่า Templar ประกาศตัวเป็นอิสระ เพื่อตอบโต้การเข้าแทรกแทรงของ Divine Justinia V  เมื่อทั้งสองฝ่ายเป็นอิสระต่อ Chantry แล้ว สงครามเต็มรูปแบบก็เลยเริ่มขึ้น เป็นที่มาของ ความขัดแย้งตอนต้น เรื่อง Dragon Age Inquisitor นั้นเอง






[DA:I]Astrarium

Astrarium เป็นสิ่งประดิษฐ์ของ Tevinter ซึ่งแรกเริ่มทำขึ้นมาเพื่อศึกษาดาราศาสตร์ โดยได้มีการศึกษามาตั้งแต่สมัยก่อนยุคของ Andraste หรือจะเรียกว่าโดยกลุ่มที่ศรัทธาพระเจ้าองค์เก่า (Old Gods) โดยนำมาปรับใช้เพื่อใช้เป็นที่สำหรับปกป้องความลับ สมบัติ หรือใช้เป็นกระทั่ง ที่ชี้ทางไปยังที่นัดพบลับๆ

Astrarium  นั้นจะต้องแก้โดยการลากจุดไปยังจุดต่อไปเพื่อสร้างรูปแบบดวงดาวให้ตรงกับแบบที่ให้มา เมื่อสามารถแก้อันใดอันหนึ่งใน map ได้ จะทำให้อีกสองอันโชว์ขึ้นบนแผนที่ (สามารถกดดูได้) และเมื่อเราสามารถแก้ปริศนาได้ทั้งสามอัน จะเป็นการชี้ทางไปยังสถานที่ลับ และเปิดประตูที่ล๊อคไว้ออก

ตำแหน่งที่อยู่ของ Astrarium ในแต่ละแผนที่สามารถดูได้ที่ Area Guide

The Hinterland Astrarium




The Storm Coast Astrarium 




Crestwood Astrarium 




The Emerald Graves Astrarium 




The Western Approach Astrarium






Credits :ข้อมูลรูปโดย http://www.eurogamer.net/articles/2014-11-28-dragon-age-inquisition-astrarium-puzzle-solutions

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[DA:I]ข้อมูลสัตว์ขี่ (Mount) และ Exotic Mount

Mounts

Mounts คือสัตว์ที่เราสามารถขี่เป็นพาหนะได้ โดยจะได้มาจาก เควส ซื้อขาย และ Loots เราสามารถใช้พวกมันเพื่อให้การเดินทางใน map กว้างๆ สะดวกยิ่งขึ้น Mounts ยิ่งระดับสูงไม่เพียงแต่จะวิ่งเร็วขึ้นเท่านั้นแต่ยังวิ่งทางขึ้นลงเขา หรือต่างระดับได้ดีอีกด้วย 

การจะได้ Mounts นั้นได้ตั้งแต่เริ่มต้นที่ maps  The Hinterlands เควส The Horse Master โดยไปคุยกับ Horse Master Dennet ที่ฝั่งตะวันตกของแผนที่และช่วยเขาทำให้ถนนแถวนั้นปลอดภัย เสร็จแล้วเขาจะให้ Feralden Forder มา

เมื่อเราได้ Mounts  มาเพิ่ม การจะเปลี่ยนไปใช้นั้นจะต้องกลับไปที่คอกม้าที่ Base (Skyhold หรือ Haven) เข้าไปคุย แล้วจะมีสัตว์ขี่ตัวที่เราได้มาให้เปลี่ยนใช้ ส่วนการจะซื้อสัตว์ขี่นั้น ก็ให้ดูที่ป้ายขายของที่อยู่ติดกับ คอกม้า ยิ่งเราเล่นไปเรื่อยๆ สัตว์ที่มีมาขายจะยิ่งเพิ่มขึ้น

ส่วนข้อมูลการหา Mount เพิ่มเติมมีดังนี้

Horse

Feralden Forder           -ได้มาหลังจบ เควส Master Of Horse
Taslin Strider               -ซื้อได้หลัง Dennet เข้าร่วมกับเรา
Green Dales Feral        -ซื้อได้หลังเควส From the Ashes
Dallish Allbred             -ซื้อได้หลังเควส From the Ashes
Orlesian Courser           -ซื้อได้หลังเควส From the Ashes
Amaranthine Charger    -ซื้อได้หลังเควส Wicked Eyes and Wicked Hearts
Free Marches Ranger    -ซื้อได้หลังเควส Wicked Eyes and Wicked Hearts
Anderfel Courser           -ซื้อได้หลังเควส Here Lies the Abyss
Imperial Warmblood     -ซื้อได้หลังเควส Here Lies the Abyss

Dracolisks การจะ Unlockได้นั้นจะต้อง ฆ่า High Dragon ตัวใดก็ได้ก่อน แล้วไปทำ Mission "Hunter Shade Dracolish ที่ War table

Hunter Shade Dracolisk   -ได้หลังจากปลดล๊อค
Abyssal Hang-Tooth        -ซื้อได้หลังจากยึด Keep Caer Bronach ที่ Crestwood
Basking Longma              -ซื้อได้หลังจากยึด Keep Seludin ที่ Emprise Du Lion
Desert Lighting                -ซื้อได้หลังจากยึด Keep Griddon Wing ที่ The Western Approach
Sharp-Tail                        -ซื้อได้หลังจากที่ Inquisition Rank 9

Harts

Brecilian Sure-Foot         -ซื้อได้หลังจาก Inquisition Rank 5
Tirashan Swiftwind         -ซื้อได้หลังปลดล๊อค Area The Emerald Graves
Pride of Ariathan             -ซื้อได้หลังปลดล๊อค Area Emprise du Lion
Wild Hard                        -ซื้อได้หลังปลดล๊อค Area Exalted Plain

Exotic Mounts

สามารถปลดล๊อคได้ไปโดยไปที่ Val Royeaux ไปที่ชั้นสอง มุมบนซ้ายของแผนที่โดยใช้ fast travel เพราะจุดนั้นไม่มีบันไดเชื่อม จะมีห้องอยู่เข้าไปจะพบ Deraboam ซึ่งขายของอยู่ แผงขายของจะไม่โชว์ใน map ต้องเข้าไปคุยใกล้ๆ เสร็จแล้วคุยกับ กล่องใกล้ๆ มันจะขายไอเท็ม Mystery Box ในราคา 10000 gold หลังจากซื้อแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นรูปปั้นทองคำ เมื่อเรากดสำรวจมัน จะปลดล๊อค  Mission The Big One 

กลับไปที่ Skyhold ทำมิชชั้นที่ War table จะใช้เวลาประมาณ  90 นาที โดย Cullen จะทำเวลาได้สั้นสุดที่ 84 นาที หลังจากเสร็จ จะปลดล๊อค สัตว์เทพ 5 ตัวคือ Greater Nuggalope , Knuckled Thunderer , Gwaren Land-Hammer , Battle Nug และ Tiddles Majoris